ความรู้สึกและสัญชาตญาณของสุนัข
สุนัขนั้นได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดเเละสามารถสื่อสารกันด้วยภาษากายได้อย่างเข้าใจในระดับหนึ่ง เเต่เหนืออื่นใดเเล้วการที่สุนักสามารถก้าวขึ้นมาเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อชีวิตของมนุษย์นั้นก็น่าจะมาจากความรู้สึกและสัญชาตญาณของพวกมันที่สามารถสื่อออกมาได้อย่างน่าสนใจนั่นเอง
โดยนับตั้งแต่เริ่มกระบวนการเปลี่ยนจากสุนัขป่ามายังสุนัขเลี้ยงนั้น ทั้งธรรมชาติเเละน้ำมือของมนุษย์มีการคัดเลือกพร้อมกับการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขสืบทอดกันมากว่า 4,000 ชั่วอายุ ทำให้ลักษณะร่างกายของสุนัขหลายๆ พันธุ์เปลี่ยนแปลงไปจากบรรพบุรุษเป็นอย่างมาก แต่สุนัขทุกสายพันธุ์ก็ยังคงรักษาลักษณะทางพฤติกรรมของสุนัขป่าซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกมันไว้ได้ไม่มากก็น้อย ไม่เว้นแต่สุนัขพันธุ์กระเป๋าอย่างพันธุ์ชิวาวา ซึ่งการเห่าและการใช้ภาษากาย เช่น ท่าทางของหูและหาง รวมทั้งสัญชาตญาณในการรวมกันเป็นกลุ่ม
สำหรับการได้ยินโดยทั่วไปสุนัขจะมีประสาทรับเสียงที่ไวเป็นอย่างยิ่ง
โดยพวกมันสามารถได้ยินเสียงคลื่นความถี่สูงกว่าที่มนุษย์ได้ยิน จึงเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อ และการสื่อสารกับสนุขตัวอื่นๆ นอกจากการฝึกสุนัขให้ช่วยนำทางเเก่คนตาบอดแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังได้มีการฝึกสุนัขเพื่อให้ช่วยคนหูหนวกได้อีกด้วย โดยจะเป็นการฝึกให้สุนัขสามารถรับรู้เสียงโทรศัพท์ แล้วบอกเจ้าของให้มารับข้อความทางโทรศัพท์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัวอักษร นับว่าเป็นอีกก้าวของการใช้งานสุนัขเพื่อช่วยเหลือมนุษย์
สำหรับการติดต่อสื่อสารของสุนัขนั้น
หากเป็นสุนัขป่าจะสื่อสารกันด้วยการหอน ซึ่งวิธีนี้ได้ถ่ายทอดและพัฒนาขึ้นมาในกลุ่มสุนัขเลี้ยงทางซีกโลกเหนือ หรือสุนัขล่าเนื้อที่จะเห่าหอนในขณะตามล่าเหยื่อ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนายพราน ที่ได้นำพวกมันมาช่วยงานในการล่าสัตว์ตั้งเเต่สมัยโบราณทางด้านของการมองเห็นนั้น ตำแหน่งตาของสุนัขจะอยู่ค่อนไปทางด้านข้างของหัวช่วยให้เห็นภาพในมุมกว้างกว่ามนุษย์มาก สุนัขจึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว และมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะเซลล์บริเวณจอตา ซึ่งเป็นที่รวมแสงแล้วทำให้เกิดภาพ สามารถตอบสนองได้ดีต่อแสงที่มีความเข้มต่ำ แต่การมองเห็นสีของสุนัขอยู่ในขอบเขตจำกัด
การดมกลิ่นของสุนัขทุกชนิดนั้นถือว่าเป็นความสามารถพื้นฐานที่ต้องมีอยู่ในสุนัขทุกสายพันธุ์
แต่บางสายพันธุ์มีประสาทดมกลิ่นพัฒนาไปมากกว่าสุนัขทั่วๆ ไป เช่น พันธุ์บลัดฮาวนด์ นอกจากใช้จมูกดมกลิ่นแล้ว ยังมีเซลล์พิเศษในปากเพื่อรับกลิ่นด้วยส่วนการประกาศอาณาเขตของสุนัขนั้น พวกมันจะใช้วิธีการปัสสาวะรดสถานที่เพื่อประกาศอาณาเขตให้สุนัขตัวอื่นรับทราบ เนื่องจากปัสสาวะสุนัขมีกลิ่นเฉพาะตัวที่เรียกว่า ฟีโรโมน สุนัขตัวผู้ที่เข้าสู่วัยหนุ่มจะปัสสาวะโดยยกขาข้างหนึ่งแทนที่จะนั่งยองๆ เหมือนตัวเมียทำให้ปัสสาวะพุ่งไปยังเป้าหมายได้แม่นยำกว่า พบว่าสุนัขตัวผู้ใช้กลิ่นกำหนดเขตบ่อยกว่าสุนัขตัวเมียถึง 3 เท่า หรือาจใช้ขาตะกุยพื้นเพื่อให้กลิ่นที่ออกมาจากต่อมเหงื่อบริเวณง่ามเท้าติดที่พื้นเพื่อประกาศอาณาเขตด้วยเช่นกัน
ส่วนสัญชาตญาณอื่นๆ ที่มีความน่าสนของสุนัขก็คือ ความก้าวร้าว ซึ่งโดยทั่วไปสุนัขตัวผู้เมื่อเผชิญหน้ากันมักจะมีการแสดงออกค่อนข้างชัดเจน เช่นการยอมรับว่าด้อยกว่า หรือจะเป็นการแสดงกิริยาก้าวร้าวเพื่อขู่สุนัขตัวอื่นโดยการยึดตัวตรง หางตั้ง คอยื่น ไปข้างหน้าและขนคอตั้งชันพร้อมกับส่งเสียงขู่ โดยไม่คิดที่จะกัดกันอย่างจริงจัง โดยสำหรับอาการของสุนัขเมื่อยอมแพ้ นั้นพวกมันจะเเสดงการหมอบลง หางตกอยู่ระหว่างขา หูลู่ หรือวิ่งหนี โดยมีสุนัขที่เป็นตัวข่มวิ่งตามไป หรือาจจะกลิ้งตัวบนพื้นแบบเดียวกับลูกสุนัข และอาจปัสสาวะเล็กน้อย ถ้าไม่สามารถล่าถอยได้ ทั้งนี้ สุนัขที่แสดงอาการยอมแพ้แก่สุนัขตัวข่มหรือสุนัขเจ้าถิ่นแล้วมักจะไม่ถูกทำร้าย เเละโดยธรรมชาติสุนัขเป็นสัตว์สังคมและอยู่รวมกันได้ดี เนื่องจากมีการจัดลำดับฐานะความสำคัญในกลุ่ม สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมักจะแสดงกิริยาต้อนรับ โดยการแกว่งหาง และอ้าปากเล็กน้อยเมื่อสมาชิกในครอบครัวกลับเข้าบ้าน และมักจะส่งเสียงเห่าเบากว่าสุนัขประเภทล่าเนื้อ เนื่องจากการเห่าเป็นลักษณะที่ไม่พึงปรารถนา