หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ
ใครที่ผ่านไปแถว ๆ จังหวัดกิฟุ คงไม่พลาดที่จะแวะไปเที่ยวชมหมู่บ้านประวัติศาสตร์หรือหมู่บ้านมรดกโลกอย่าง หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านที่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ และน้อยคนที่จะไม่แวะหากผ่านไปแถวนั้นจริง ๆ ใครไปทัวร์ญี่ปุ่นที่นี้บอกได้เลยว่าเป็นอีกสถานที่ ที่ไม่ควรพลาด
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจังหวัดกิฟูและโทยามา ซึ่งเป็นจังหวัดใจของกลางประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านที่มีอายุกว่า 250 ปี ที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมของบ้านเรือนในสมัยนั้นเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหลังจากองค์การยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนหมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะให้เป็นมรดกโลกแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวจะทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย
สำหรับเอกลักษณ์และความโดดเด่นของหมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ คือการปลูกสร้างบ้านเรือนแบบแกสโซ ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณที่สร้างด้วยไม้และมุงหลังคาด้วยหญ้า โดยลักษณะของหลังคานั้นจะเป็นแบบทรงพนมมือ ที่มีความชันถึง 60 องศา โดยบ้านแต่และหลังที่สร้างขึ้นนั้น ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว เมื่อพูดถึงหลังคาแล้ว หากลองเข้ามาดูภายในหลังคาจะพบว่าถูกแบ่งออกเป็นชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 – 4 ชั้นขึ้นไป เพื่อใช้เก็บของและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับชั้นล่าง ซึ่งนอกจากจะเก็บของแล้ว บางบ้านที่ยังปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จะใช้ชั้นใต้หลังคาเป็นที่เลี้ยงไหมอีกด้วย
การมาท่องเที่ยวยังหมู่บ้านแห่งนี้นั้น หากจะให้ได้บรรยากาศและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านจริง ๆ คือการนอนค้างในหมู่บ้านแบบโฮมสเตย์ ซึ่งมีบ้านหลายหลังเช่นกันที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ ซึ่งการพักแบบนี้เรียกว่า Minshuku ซึ่งใครที่ต้องการมาพักที่หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะแห่งนี้ต้องทำการจองห้องพักล่วงหน้า เพราะที่พักที่นี้มีน้อย หากมาแบบไม่มีการเตรียมการ โอกาสมีน้อยมากที่จะได้บ้านพัก เพราะส่วนใหญ่ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
ส่วนการเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้สามารถเดินทางมาได้หลายทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 นั่งรถไฟจากโอซากาหรือนาโงยาแล้วไปลงที่เมืองคานาซาวา จากนั้นต่อรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีถึงหมู่บ้าน
เส้นทางที่ 2 จากนาโงยานั่งรถไฟเข้าเมืองทาคายามา แล้วต่อรถบัสอีกประมาณ 50 นาที ก็จะถึงหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นหากใครอยากมาสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ก็สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปี เพราะหมู่บ้านแห่งนี้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนเสมอ แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าอาจต้องจองล่วงหน้าสักนิด เพราะไม่อย่างนั้นอาจมาเสียเที่ยวได้นะ…