ไวอากร้า คืออะไร
ถ้าจะถามว่าผู้ชายกลัวอะไรในเรื่องเซ็กส์ คำตอบคงได้ประมาณว่า กลัว “ไม่สู้” กลัว “ไม่แข็ง” กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถทำให้ผู้หญิงมีความสุขได้ ด้วยอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของตัวเอง อันเป็นที่มาของคำเปรียบเปรยที่ว่า นกเขาไม่ขัน ล่มปากอ่าว นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ดังนั้น ยา สมุนไพร หรือเครื่องมือต่างๆ ที่โฆษณาว่า ช่วยปลุกเซ็กส์ เพิ่มความต้องการทางเพศ เป็นยาทน ทำนองนี้ มักเป็นที่สนใจของผู้ชาย จึงไม่เว้นที่ต้องมีชื่อของไวอากร้า ที่ส่วนใหญ่เข้าใจว่าสามารถตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยม ความจริงจะเป็นอย่างคำโฆษณาหรือไม่ ลองมาทำความรู้จักไวอากร้าก่อนดีกว่า
ไวอากร้าคืออะไร
ไวอากร้า (Viagra) จากชื่อทางการค้ากลายเป็นชื่อเรียกสินค้าไปแล้ว ไม่ต่างจากเรียกผงซักฟอกว่าบรีส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่ามาม่า ซึ่งความจริงแล้วไวอากร้า คือยา Sildenafil (ซิลเดนาฟิล) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายที่ทำให้อวัยวะเพศขยายตัวคงอยู่ได้นาน จึงทำให้ผู้ใช้ยานี้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศนานขึ้นกว่าเวลาไม่ได้ใช้ ซึ่งเริ่มต้นยานี้ก็คงถูกใช้ตามคุณสมบัติ แต่พอมีการพูดต่อๆ กันไป ความเข้าใจจึงเกินเลยจากคุณสมบัติที่แท้จริง
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวอากร้า
- ไวอากร้าไม่ใช่ยากระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เพราะอารมณ์นั้นเกิดจากสิ่งเร้าภายนอกมากระทบ และสมองส่งสัญญาณไปกระตุ้นสารเคมี จนมีปฏิกิริยาตามมาคือ เลือดถูกส่งไปเลี้ยงอวัยวะเพศ
- ไวอากร้าไม่ใช่ยาแก้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
ที่ไวอากร้าทำได้ก็น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า “ยาทน” เพราะทำให้ใช้เวลาในการมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น จากฤทธิ์ของยา
การทำงานของไวอากร้า
ไวอากร้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ ไซคลิก-จีเอ็มพี (C-GMP) ซึ่งตามธรรมชาติถูกสร้างขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นให้มีอารมณ์ทางเพศ แล้วถูกทำลายลงตามธรรมชาติ เมื่อไวอากร้าขัดขวางการทำงานก็คือ แทนที่หลอดเลือดจะไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายและถูกทำลายลง ก็จะยังคงอยู่แบบนั้น ทำให้อวัยวะแข็งตัวได้นานเพียงพอตามที่ต้องการ
อันตรายจากการใช้ไวอากร้า
จากฤทธิ์ของไวอากร้าที่ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นานขึ้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือ มีอาการแข็งตัวนานเกินไป หรือมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น จึงต้องกินอย่างถูกวิธี ในปริมาณที่เหมาะสม
อันตรายจากการใช้ไวอากร้านั้น โดยเฉพาะตัวมันเอง ไม่ใช่ยาที่เข้าขั้นอันตราย เพียงแต่ส่งผลด้านจิตใจ เช่น ไม่มั่นใจในสมรรถภาพทางเพศของตัวเอง และต้องใช้ยาช่วยประจำ แต่จะมีอันตรายก็ต่อเมื่อใช้ยาควบคู่กับยาบางชนิดที่ทำให้ความดันเลือดต่ำและช็อกเสียชีวิต ดังนั้น จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์