10 เทคนิคเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ได้ถูกต้องแบบง่ายๆ พร้อมวิธีดูแลรักษาเบื้องต้น
1.วิธีการเลือกเครื่องกรองน้ำ
การเลือกเครื่องกรองน้ำสักเครื่องเพื่อนำมาใช้งาน คงต้องเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องกรองจากน้ำประปา หรือบางแห่งเป็นน้ำบ่อ แล้วต้องนำมาดื่ม บางบ้านนำมาสำหรับชงนมให้กับทารกเลยทีเดียว ดังนั้น จึงต้องพิจารณากันค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อช่วยลดความกังวล และเป็นแนวทางในการเลือกเครื่องกรองน้ำ ควรต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
1.สภาพน้ำดิบที่เราจะนำมากรอง
น้ำดิบ คือ น้ำที่จะนำมาผ่านเครื่องกรอง น้ำในกรุงเทพฯ ร้อยละ 90 เป็นน้ำประปา และน้ำในต่างจังหวัด บางแห่งเป็นน้ำประปา ประปาหมู่บ้าน น้ำบาดาล น้ำบ่อ เป็นต้น
– น้ำประปาในกรุงเทพฯ สามารถใช้เครื่องกรองน้ำได้แทบทุกรุ่น เพราะน้ำประปาได้รับการกรองมาชั้นหนึ่งแล้ว โดยการประปาได้แจ้งไว้ว่าสามารถดื่มได้ แต่ที่ยังเป็นปัญหาคือ กลิ่นของคลอรีน และท่อส่งที่อาจจะไม่สะอาดเพียงพอ เครื่องกรองน้ำที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้เรียงจากดีที่สุด คือ เครื่องกรองน้ำระบบ RO, เครื่องกรองน้ำระบบ Nano, เครื่องกรองน้ำระบบ UF, เครื่องกรองน้ำระบบ Micro
ระบบกรองสำหรับน้ำประปาที่แนะนำ คือ ระบบ Ultrafiltration (UF) ใช้กรองแบคทีเรียได้อย่างสมบูรณ์ และยังคงรักษาแร่ธาตุต่างๆไว้ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า เพราะไม่ใช้ปั๊มเพื่อเพิ่มแรงดันน้ำ ไม่ต้องใช้ถังเก็บน้ำ และไม่เกิดของเสียจากระบบการกรอง ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ได้ถูกใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยาและโรงพยาบาล
– ถ้าเป็นน้ำในต่างจังหวัด ต้องมีการตรวจทดสอบความสะอาดของน้ำดิบก่อน เพื่อดูว่ามีความสะอาดอยู่ในระดับไหน หากไม่สกปรกมาก ก็สามารถใช้ไส้กรองเซรามิคในเครื่องกรองน้ำช่วยได้ แต่เพื่อความปลอดภัยในการดื่ม ควรใช้เครื่องกรองน้ำระบบ RO
ระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis (RO) จำเป็นต้องใช้แทงก์เก็บน้ำ เป็นสาเหตุให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ สิ้นเปลืองน้ำเนื่องจากไส้กรองขนาดเล็ก เกิดการสูญเสียแรงดันน้ำ และต้องใช้ปั๊มช่วยในการทำงาน สูญเสียแร่ธาตุภายหลังการกรองที่ควรมีในน้ำดื่ม ใช้ไฟฟ้า และมีค่าบำรุงรักษาสูง
ระบบ Ultraviolet (UV) สามารถฆ่าเชื้อได้ แต่กำจัดแบคทีเรียไม่ได้ แบคทีเรียจึงมีโอกาสเจริญเติบโตในน้ำได้ ไม่แนะนำสำหรับใช้กรองน้ำในบ้าน
- งบประมาณที่เรามี
โดยความเป็นจริงน่าจะเป็นเหตุผลหลักในการซื้อเครื่องกรองน้ำเลยก็ว่าได้ เพราะเครื่องกรองน้ำมีหลายราคาตั้งแต่ถูกสุดหลักร้อย ไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว ซื้ออย่างไรเราจะไม่เกิดปัญหาทางการเงินในภายหลัง
– หากมีงบประมาณไม่เกิน 1,500บาท สามารถซื้อเครื่องกรองน้ำ 2-3ขั้นตอน หรือ เครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอน สามารถกรองได้สูงสุด 5ไมครอน
– หากมีงบประมาณ 1,500-3,000บาท สามารถซื้อเครื่องกรองน้ำไส้เซรามิค หรือ เครื่องกรองน้ำระบบ UF สามารถกรองได้สูงสุด 0.3-0.01ไมครอน
– หากมีงบประมาณ 3,000บาท ขี้นไป สามารถซื้อเครื่องกรองน้ำได้ตั้งแต่ เครื่องกรองน้ำระบบ Nano และ เครื่องกรองน้ำระบบ RO สามารถกรองได้สูงสุด 0.0001ไมครอน
- ความต้องการของเรา
เครื่องกรองน้ำปัจจุบันได้ถูกปรับให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น โดยมีระบบการทำน้ำเย็น น้ำธรรมดา และน้ำร้อน รวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน เพื่อความสะดวกและประหยัดพื้นที่ของผู้บริโภค ซึ่งก็ทำให้ราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำ เราควรถามตัวเองก่อนว่า เราอยากได้เครื่องกรองน้ำที่มีความสามารถแบบไหน
- ความเหมาะสมของตำแหน่งที่จะติดตั้ง
ในการติดตั้งเครื่องกรองน้ำต้องคำนึงว่า จุดที่จะติดตั้งมีน้ำเข้าถึงได้ง่ายหรือไม่ จะต้องเดินท่อใหม่เพื่อเครื่องกรองน้ำโดยเฉพาะเลยไหม จะตั้งดีหรือจะแขวนดี สะดวกในการเสียบปลั๊กไฟไหม และที่สำคัญมีที่ทิ้งน้ำไหม สำหรับระบบ RO ซึ่งล้วนแต่สำคัญทั้งสิ้น โดยส่วนมากผู้คนจะติดตั้งไว้ที่ ในครัว ใต้ซิงค์ล้างจาน หน้าห้องน้ำ ลานซักผ้า นอกบ้าน ในบ้าน เป็นต้น
- ข้อมูลเฉพาะของเครื่องกรองน้ำแต่ละรุ่น
เครื่องกรองน้ำที่เราสนใจแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ มีข้อมูลเฉพาะ หรือข้อจำกัดอะไรที่เราต้องทราบบ้าง เช่น ระบบ RO จะมีน้ำทิ้ง บางรุ่นต้องใช้ไฟฟ้า บางรุ่นผลิตน้ำช้า บางรุ่นต้องล้างไส้กรอง บางรุ่นไม่ต้องล้างไส้กรอง บางยี่ห้อไส้กรองแพงกว่าตัวเครื่อง เป็นต้น
ความปลอดภัยน้ำสะอาด 3 ขั้นตอนมาตรฐาน
ขั้นตอนที่ 1 Sediment ดักจับกรวด ทราย หิน โคลน และสารแขวนลอยขนาดใหญ่ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ เช่น เศษสนิม และผงฝุ่นจากท่อน้ำ เพื่อเตรียมน้ำสะอาดก่อนเข้าระบบกรองในขั้นตอนต่อไป ช่วยยืดอายุการใช้งานของไส้กรองอื่นๆ
ขั้นที่ 2 Activated Carbon Block ดักจับสารเคมี คลอรีน กลิ่น สี สารอินทรีย์ โดยวิธีการดูดซึมดูดซับ และกรองโลหะหนักต่างๆ
ขั้นตอนที่ 3 Ultrafiltration กรองแบคทีเรียถึง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยการใช้ Membrane Hollow Fiber ขนาดรูเล็กกว่าแบคทีเรีย เล็กที่สุด 0.03 ไมครอน แร่ธาตุที่เป็นประโยชน์สามารถผ่านได้ ได้ถูกเริ่มใช้ครั้งแรกในโรงพยาบาลสำหรับกรองเลือด
2.แนะนำเทคนิคเลือกเครื่องกรองน้ำ อย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำสักเครื่องในทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องกรองน้ำให้เลือกมากมายหลายประเภท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกประเภทจะมีคุณภาพที่ดีและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเสมอไป ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ เพื่อให้เราได้เครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมมากที่สุดต่อรูปแบบในการใช้งาน
สำหรับเทคนิคที่ใช้ในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำนั้นมีวิธีการง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่หลายคนเข้าใจ และต่อไปนี้คือเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ
- ขนาดของตัวเครื่อง ต้องเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดกับการใช้งาน ไม่ควรเล็กหรือ
ใหญ่จนเกินไป เพราะหากมีสมาชิกในครอบครัวไม่มาก แต่เลือกใช้เครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่ จะสิ้นเปลืองทั้งน้ำและไฟ
- ตรวจสอบสภาพของน้ำก่อนการซื้อเครื่องกรองน้ำ ปัจจัยนี้สำคัญมาก เพราะช่วยให้
เราสามารถตัดสินใจเลือกเครื่องกรองน้ำได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
- ราคา ควรมีความเหมาะสม เพราะเครื่องกรองน้ำในทุกวันนี้มีราคาไม่แพงมากนัก แต่
มีคุณภาพดี อาจตรวจสอบราคาก่อนการซื้อจะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อจากแหล่งที่สุดที่สุดได้
- รูปทรง ก็ไม่ควรมองข้าม ควรเลือกเครื่องกรองน้ำที่มีขนาดและรูปทรงสวยงาม
สามารถติดตั้งได้อย่างเหมาะสมในบริเวณที่เราเตรียมไว้
- ปริการหลังจากการขายที่ดีควรมีการให้บริการเปลี่ยนไส้กรอง มีไส้กรองขายและ
พร้อมให้คำแนะนำตลอดเวลา
เหล่านี้คือเทคนิคดี ๆ ในการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำสักเครื่องที่เหมาะสมมากที่สุดกับทุกรูปแบบในการใช้งานของทุกคน ช่วยให้ทุกคนได้เครื่องกรองน้ำที่ดีและมีประสิทธิภาพตามที่ใจต้องการ…
3.ซื้อน้ำกินกับซื้อเครื่องกรองน้ำมาใช้งานแบบไหนประหยัดกว่ากัน
การดื่มน้ำในทุกวันนี้ คงมีน้อยคนแล้วที่จะยังคงดื่มน้ำประปาทั่วไป ด้วยความไม่สะอาดของน้ำดื่มที่อาจมีสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนต่าง ๆ ปะปนมากับน้ำ ทำให้ทุกคนเลือกที่จะซื้อน้ำดื่มหรือไม่ก็ซื้อเครื่องกรองน้ำมาใช้งานที่บ้านแทน เพื่อให้ได้ดื่มน้ำกรองที่สะอาดและปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลายคนสงสัยว่า แล้วระหว่างการซื้อน้ำดื่มกับการซื้อเครื่องกรองน้ำแบบไหนประหยัดมากกว่ากัน
ในส่วนของความประหยัดนั้น ต้องขออธิบายก่อนว่า ถ้าเราเลือกที่จะซื้อน้ำดื่มทุกวัน ใน 1 เดือนและ 1 ปี เราจะเสียค่าน้ำเท่าไหร่ และถ้าเราเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ เราจะเสียค่าใช้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนและต่อปีทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งต่อไปนี้คือวิธีการคิดคำนวณ
- การซื้อน้ำดื่ม โดยเฉลี่ยแล่วจะเสียค่าน้ำเดือนละประมาณ 300 บาท ดังนั้น 1 ปี จึงต้องเสียค่าน้ำดื่มประมาณ 3,600 บาท
- การซื้อเครื่องกรองน้ำ สำหรับเครื่องกรองน้ำระบบ RO ที่มีประสิทธิภาพสูงมากในการกรองและทำให้น้ำสะอาด ราคาเครื่องขั้นต่ำจะอยู่ที่ 2,700 บาท เท่านั้น เมื่อคิดรวมค่าน้ำทั้งหมด รวมทั้งน้ำทิ้งแล้วเราจะใช้น้ำรวมทั้งหมด 200 ลิตรต่อเดือนหรือ 2,400 ลิตรต่อปีอยู่ที่ 30 บาทเท่านั้น ส่วนค่าใช่จ่ายอื่น ๆ อย่างเช่นค่าไฟอยู่ที่ปีละไม่เกิน 240 บาท ค่าให้เนมเบรน 2 ปีครั้งราคา 480 บาท รวมทั้งหมด 2,700 + 30 + 240 + 480 = 3,400 บาท
ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วต้องถือว่าการซื้อเครื่องกรองน้ำถูกกว่าการซื้อน้ำดื่มอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นใครที่ได้รู้อย่างนี้แล้วคงตัดสินใจซื้อเครื่องกรองน้ำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น…
4.แนะนำวิธีการทดสอบเครื่องกรองน้ำ ว่าผลิตน้ำที่มีคุณภาพและสะอาด
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญสำหรับการใช้งานเครื่องกรองน้ำ คือหลายคนยังไม่มั่นใจว่าเครื่องกรองน้ำที่เราจะซื้อมีความสามารถในการกรองน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ อยากทำการทดสอบให้แน่ใจก่อนการตัดสินใจซื้อ เพราะเมื่อต้องเสียเงินแล้วก็อยากได้เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกรองน้ำจริง ๆ
โดยในส่วนของวิธีการทดสอบนั้น เพียงแค่ซื้อน้ำยาทดสอบความกระด้างของน้ำมาทดสอบตามขั้นตอนดังนี้
- นำน้ำที่ผ่านเครื่องกรองแล้วประมาณ 200 ซีซี เตรียมไว้
- หยดน้ำยาทดสอบความกระด้าง 1 หยด จากนั้นสักเกตสีของน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าน้ำในแล้วเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ ถือว่าผ่าน แต่ถ้าเป็นสีอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ถือว่าน้ำที่เราดื่มไม่สะอาด การกรองไม่มีประสิทธิภาพ
สำหรับขั้นตอนการทดสอบนี้สามารถทดสอบได้กับเครื่องกรองน้ำทุกประเภท เครื่องกรองน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วหรือน้ำดื่มบรรจุขวดทั่วไปก็สามารถทดสอบได้ ดังนั้นหากใครต้องการทราบว่าเครื่องกรองน้ำที่จะซื้อหรือที่มีอยู่แล้วสามารถผลิตน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็เพียงแค่ทำตามขั้นตอนและวิธีการที่เรานำมาฝากนี้ คุณก็จะได้รู้แล้วว่าน้ำที่คุณกำลังดื่มอยู่สะอาดจริงหรือคุณโดนหลอก ซึ่งน้ำยาทดสอบความกระด้างของน้ำก็หาซื้อได้ไม่ยากและมีราคาไม่แพง เท่านี้คุณก็จะมั่นใจได้มากขึ้นว่าเครื่องกรองน้ำที่เลือกมีคุณภาพดีจริง และอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องกรองน้ำที่มีราคาแพงที่สุดอีกด้วย…
5.อายุการใช้งานของไส้กรอง ใช้นานเท่าไหร่ถึงจะเปลี่ยนได้
โดยปกติแล้ว การทำงานของเครื่องกรองน้ำนั้น เครื่องกรองน้ำจะมีประสิทธิภาพดีหรือไม่อย่างไร อายุในการใช้งานของไส้กรองถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะไส้กรองแต่ละประเภทมีอายุในการใช้งานที่แตกต่างกัน หากไม่เปลี่ยนไส้กรองตามอายุในการใช้งานแล้วล่ะก็ จะส่งผลให้ไส้กรองไม่สามารถกรองน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม
สำหรับอายุในการใช้งานของไส้กรองแต่ละประเภทนั้นมีอายุในการใช้งานที่ถูกกำหนดไว้แตกต่างกัน และต่อไปนี้คืออายุในการใช้งานของไส้กรองแต่ละประเภทที่ผู้ใช้งานเครื่องกรองน้ำควรรู้
- ไส้กรองคาร์บอน มีอายุการใช้งาน 1 ปี
- ไส้กรองเซรามิคส์ มีอายุการใช้งาน 1 – 1 ปีครึ่ง
- ไส้กรองด้ายพัน มีอายุในการใช้งาน 3 – 6 เดือน
- สารกรองคาร์บอน มีอายุในการใช้งาน 1 ปี
- ไส้กรองเมมเบรน มีอายุในการใช้งาน 1 – 1 ปีครึ่ง
- ไส้กรอง 2 in 1 มีอายุในการใช้งาน 3 – 6 เดือน
- ไส้กรองด้ายพัน P5 มีอายุในการใช้งาน 3 – 6 เดือน
- สารกรองเรซิ่น มีอายุในการใช้งาน 1 ปี
- สารกรองแอนทราไซด์ มีอายุในการใช้งาน 1 ปี
- สารกรองแมงกานิส มีอายุในการใช้งาน 1 ปี
- ไส้กรองจีบ มีอายุในการใช้งาน 3 – 6 เดือน
- โพสคาร์บอน มีอายุในการใช้งาน 2 ปี
- ไส้กรองเรซิ่น มีอายุในการใช้งาน 1 ปี
เพราะฉะนั้น หากครบกำหนดเวลาตามที่ระบุนี้แล้ว ควรเปลี่ยนไส้กรองแต่ละประเภททันที เพราะหากพ้นระยะเวลาที่กำหนดนี้ ความสามารถและประสิทธิภาพในการกรองน้ำจะหมดไป ไม่สามารถกรองน้ำได้อย่างสะอาดเช่นเดิม โดยการเปลี่ยนนั้นอาจให้ร้านหรือศูนย์ที่เราซื้อเปลี่ยนให้จะดีที่สุด…
6.หน้าที่ของไส้กรอง เครื่องกรองน้ำ
ไส้กรองสำหรับเครื่องกรองน้ำ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดก็ว่าได้ ด้วยไส้กรองนั้นเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการกรอง หากขาดไส้กรองแล้ว เครื่องกรองน้ำจะไม่สามารถกรองน้ำให้สะอาดได้นั่นเอง
สำหรับคุณสมบัติของไส้กรองจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบของเครื่องกรองน้ำแต่ละประเภท แต่โดยปกติแล้วหลักการทำงานของไส้กรองจะมี 2 แบบด้วยกัน คือ ไส้กรองแบบปล่อยให้น้ำทะลุผ่านและไส้กรองแบบที่น้ำผสมทำปฏิกิริยากับสารกรอง ซึ่งเราสามารถจำแนกไส้กรองประเภทต่าง ๆ และความสามารถในการใช้งานได้ดังนี้
- ไส้กรองหยาบ มีความสามารถในการกรองและขนาดที่ต้องการ เป็นไส้กรองเบื้องต้นที่เครื่องกรองน้ำทุกเครื่องต้องมี จึงมักอยู่ที่ขั้นตอนแรกเพื่อทำการกรองฝุ่น ผง สารแขวนลอย สนิมเหล็ก โคลนและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
- ไส้กรองน้ำคาร์บอนบล็อก มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น สี สารเคมี คลอรีน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำหน้าที่เป็นทั้งไส้กรองและสารกรองในตัว จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับเครื่องกรองน้ำในปัจุบัน
- ไส้กรองน้ำเรซิ่น ช่วยลดปริมาณหินปูน ช่วยให้น้ำไม่กระด้าง นอกจากนี้ยังช่วยลดสารละลายจำพวกหินปูน ลดการเกิดนิ่วและช่วยให้น้ำมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น
- ไส้กรองน้ำเซรามิก ช่วยลดและกรองเชื้อแบคทีเรียได้
- ไส้กรองน้ำโพสคาร์บอน ช่วยปรับสภาพน้ำ ปรับค่า PH และปรับรสชาติของน้ำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไส้กรองประเภทนี้จะเป็นไส้กรองที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการกรอง จึงไม่ได้มีส่วนกรองให้น้ำสะอาด
ทั้งหมดนี้คือหน้าที่และความสามารถในการกรองของไส้กรองประเภทต่าง ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยทราบ ซึ่งไส้กรองแต่ละประเภทจะเหมาะสมกับเครื่องกรองน้ำประเภทต่าง ๆ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อผู้ใช้งานจำเป็นต้องศึกษาและเปลี่ยนเทียบความสามารถในการกรอง เพื่อให้ได้เครื่องกรองน้ำที่ดีที่สุดสำหรับคุณนั่นเอง…
7.เทคนิคการดูแลเครื่องกรองน้ำ
เมื่อพูดถึงการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำ คงต้องยอมรับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากกับคุณภาพและความสามารถในการกรอง เพราะเครื่องกรองน้ำที่ผ่านการใช้งานมาได้สักระยะ ความสามารถในการกรองจะลดลง ดังนั้นผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำพื้นฐาน เพื่อให้สามารถดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำได้ด้วยตัวเอง
ในส่วนของการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยในลำดับแรกผู้ใช้งานจำเป็นต้องรู้ว่าเครื่องกรองน้ำที่ใช้อยู่เป็นแบบใด จึงจะสามารถดูแลและบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด ดังนี้
- เครื่องกรองน้ำแบบทรายกรอง ควรล้างย้อนทำความสะอาดทุก ๆ 10 – 15 วัน และล้างทำความสะอาดภายนอกทุก ๆ 6 เดือน
- เครื่องกรองน้ำแบบเรซิ่น ควรทำการฟื้นสภาพด้วยการเปลี่ยนน้ำเกลือจำนวน 3 ลิตร ทุก ๆ 15 – 30 วัน เพราะหากทิ้งไว้เป็นเวลานานความสามารถในการกรองน้ำจะลดลง
- เครื่องกรองน้ำที่มีไส้กรองเซรามิก ควรถอดไส้กรองออกมาทำความสะอาดด้วยใยขัดเซรามิกเป็นประจำ เพื่อลดการอุดตันของไส้กรอง ซึ่งนอกจากการทำความสะอาดแล้ว ควรนำไส้กรองเซรามิกไปต้มในน้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนนำกลับมาใช้ตามปกติ
- เครื่องกรองน้ำที่มีหลอดอุลตร้าไวโอเลต ควรทำความสะอาดหลอดภายนอกเป็นประจำและเปลี่ยนหลอดเมื่อครบชั่วโมงการใช้งาน
- เครื่องกรองน้ำแบบคาร์บอนกัมมันต์ ควรล้างสารกรองคาร์บอนโดยการล้างแบบย้อนกลับ ให้ล้างจนกระทั่งน้ำใส จะช่วยให้ความสามารถในการกรองกลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ เครื่องกรองน้ำที่เราใช้อยู่ก็ได้รับการดูแลและบำรุงรักษาอย่างดี ช่วยให้มีอายุในการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นและการกรองมีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกครั้ง…
8.เครื่องกรองน้ำระบบ RO กับ UV แบบไหนดีกว่ากัน
มีผู้ใช้งานเครื่องกรองน้ำหลายคนสงสัยว่า เมื่อจะซื้อเครื่องกรองน้ำจะซื้อแบบไหนดี จึงจะดีที่สุดและเหมาะสมกับรูปแบบในการใช้งานของเรา โดยเฉพาะเครื่องกรองน้ำระบบ RO และระบบ UV ที่กำลังได้รับความนิยมและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ด้วยแล้ว ทั้ง 2 ประเภทนี้แบบไหนที่ดีกว่ากัน
ก่อนอื่นเราควรทำความรู้จักกับเครื่องกรองน้ำแต่ละประเภทก่อน เพื่อให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นก่อนการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ โดยเริ่มจากเครื่องกรองน้ำระบบ RO
- เครื่องกรองน้ำระบบ RO เป็นเครื่องกรองน้ำที่มีขั้นตอนในการกรองอย่างละเอียดถึง
5 ขั้นตอน ซึ่งประกอบไปด้วย
- Sediment Filter
- Carbon Filter
- Carbon Resin
- Membrane Filter
- Post Carbon
ทำให้สามารถกรองน้ำได้อย่างสะอาดถึง 99.999% เลยทีเดียว แต่ข้อเสียของเครื่อง
กรองน้ำประเภทนี้คือมีราคาแพงมากที่สุดกว่าเครื่องกรองน้ำทั้งหมด ที่สำคัญด้วยความสามารถในการกรองที่สะเอียดที่สุดนี้ อาจทำให้แร่ธาตุที่จำเป็นถูกกรองออกไปด้วย
- เครื่องกรองน้ำระบบ UV เป็นเครื่องกรองน้ำที่เพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค
ด้วยแสง UV เพื่อให้น้ำที่ผ่านการกรองเป็นน้ำที่สะอาดมากที่สุดเช่นกัน แต่มีข้อดีคือแร่ธาตุที่จำเป็นจะไม่ถูกกรองทิ้งไป ถึงแม้ความสะอาดของน้ำจะไม่สะอาดมากที่สุดเท่ากับเครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็ตาม
เพราะฉะนั้น งานนี้ผู้ใช้งานอาจต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าต้องการเครื่องกรองน้ำประเภทไหน หรือเครื่องกรองน้ำประเภทไหนที่เหมาะสมมากที่สุดกับรูปแบบในการใช้งานของตน เพราะเครื่องกรองน้ำทั้ง 2 ประเภทนี้ถือว่ามีความสามารถในการกรองไม่แตกต่างกันมากนัก
9.เครื่องกรองน้ำมีแบบไหนบ้างมาทำความรู้จักกัน
การออกแบบเครื่องกรองน้ำให้สามารถตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งานนั้น ถึงแม้ว่าจะดูเป็นเรื่องที่ยากมากในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเครื่องกรองน้ำที่มีจำหน่ายอยู่ในทุกวันนี้จะมีรูปแบบเพียงน้อยนิดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะหากศึกษาจริง ๆ เราจะพบว่ามีเครื่องกรองน้ำหลายรูปแบบให้เราเลือกใช้งานในทุกความต้องการ
สำหรับเครื่องกรองน้ำรูปแบบต่าง ๆ นั้น ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับรูปแบบในการใช้งานและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือเปลี่ยนน้ำที่ไม่สะอาดและอาดมีสารปนเปื้อนเป็นจำนวนมาก ให้สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย และต่อไปนี้คือเครื่องกรองน้ำรูปแบบต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั้งหมด
- เครื่องกรองน้ำแบบใช้ Ozone ในการทำปฏิกิริยากับเชื้อจุลินทรีย์และสารอินทรีย์ต่างๆ ในน้ำ ทำให้น้ำดูใสสะอาดและมีรสชาติดี
- เครื่องกรองน้ำแบบ KDF สามารถกรองคลอรีน เชื้อโรค และโลหะหนักได้ โดยจดลิขสิทธิ์ไว้โดยบริษัท KDF ในสหรัฐอเมริกา
- เครื่องกรองน้ำแบบ Iodine Resin สามารถทำลายแบคทีเรียและไวรัสได้ในทันที
- เครื่องกรองน้ำแบบ Ion Exchange เป็นเครื่องกรองน้ำไม่ใช้ไฟฟ้าที่มีลักษระคล้ายกับเครื่องกรองน้ำแบบ Iodine Resin
- เครื่องกรองน้ำแบบใช้รังสี หรือ Ultraviolet มีคลื่นความถี่ระหว่าง 200-300 นาโนเมตร สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทั้งหมด ยกเว้นเชื้อโรคจะซ่อนตัวอยู่กับผงละอองเท่านั้น
- เครื่องกรองน้ำแบบ Reverse Osmosis (RO) เป็นเครื่องกรองน้ำที่ไม่ใช้สารเคมีหรือไฟฟ้า สามารถทำให้น้ำปราศจากสิ่งเจือปนถึง 99%
- เครื่องกรองน้ำแบบ Activated Tricalcium Phosphate (ATP) สามารถกำจัดฟลูออไรด์และสิ่งเจือปนต่างๆ โดยไม่ใช้ไฟฟ้า
- เครื่องกรองน้ำแบบ Carbon Block สามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์และสารปนเปื้อนได้
- เครื่องกรองน้ำแบบ Distillation ทำให้น้ำเดือดเกิดเป็นไอน้ำ จากนั้นทำไอน้ำให้เย็นลงแล้วกลับมาเป็นน้ำกลั่น โดยน้ำกลั่นนี้ไม่มีสารตกค้างและไม่มีเกลือแร่ 100%
- เครื่องกรองน้ำแบบ Ceramic สามารถล้างและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง ช่วยให้ประหยัดมากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือเครื่องกรองน้ำที่มีวางจำหน่ายให้เราเลือกซื้อตามความต้องการ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความสามารถที่แตกต่างกัน หากต้องการซื้อมาใช้งานจริง ๆ อาจต้องปรึกษากับผู้แทนจำหน่ายที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ ให้ผู้แทนจำหน่ายแนะนำเครื่องกรองน้ำที่ดีที่สุดและตรงกับความต้องการของคุณ เท่านี้คุณก็จะได้เครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับรูปแบบในการใช้งานของคุณมากที่สุดแล้ว…
10.เครื่องกรองน้ำที่ดี เป็นอย่างไร
การใช้งานเครื่องกรองน้ำในทุกวันนี้ถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นในความเห็นของทุกคนมากขึ้น ถึงแม้ว่าน้ำประปาที่เราเคยใช้ดื่มกันทั่วไปจะผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วก็ตาม แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและสภาพของน้ำที่มีความเสื่อมโทรม ทำให้ทุกคนหวั่นใจว่าในน้ำที่ดื่มจะมีสารปนเปื้อนและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากดื่มเป็นประจำทุกวัน ทำให้เครื่องกรองน้ำเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างที่เราทุกคนได้เห็น
ปัจจุบันเครื่องกรองน้ำที่ผลิตออกมาตอบสนองการใช้งานของทุกคนนั้นมีมากมายหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะช่วยให้น้ำที่เราดื่มมีความสะอาดมากขึ้น แล้วอย่างนี้เครืองกรองน้ำแบบไหนล่ะที่ดีจริง ๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องกรองน้ำที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
คุณสมบัติของเครื่องกรองน้ำที่ดี
- สามารถในการกรอง
เครื่องกรองน้ำที่ดีต้องมีความสามารถในการกำจัดสารโลหะ ตะกอน สนิมเหล็ก คาร์บอน กลิ่น สี คลอรีน สารอินทรีย์ เรซิ่นและหินปูน รวมไปถึงช่วยลดความกระด้างในน้ำและดูดซับสีต่าง ๆ อีกด้วย
- คุณสมบัติไส้กรอง
เครื่องกรองน้ำที่ดีควรมีไส้กรองที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นไส้กรองประเภทไหนก็แล้วแต่ต้องมีคุณสมบัติในการกรองที่ช่วยให้น้ำสะอาดมากขึ้น ช่วยกำจัดอันตรายต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนมากับน้ำ ช่วยให้เราสามารถดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัย
- เหมาะสมกับการใช้งาน
เครื่องกรองน้ำที่ดีต้องเหมาะสมกับรูปแบบในการใช้งานด้วย ควรมีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป มีรูปแบบในการทำงานที่ง่ายและเราสามารถดูแล รวมทั้งบำรุงรักษาให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหล่านี้คือเครื่องกรองน้ำที่ดีและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งาน เพราะฉะนั้นหากบ้านไหนกำลังมองหาเครื่องกรองน้ำอยู่ล่ะก็ ลองนำคุณสมบัติที่เรานำมาฝากนี้ไปหาซื้อเครื่องกรองน้ำที่ดีสำหรับคุณดู รับประกันว่าคุณจะต้องได้เครื่องกรองน้ำที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน…