7 ข้อควรรู้ที่คนที่จะใช้บริการเคลือบแก้ว ควรอ่าน
1.เคลือบแก้วเองกับ ใช้บริการร้านเคลือบแก้วต่างกันอย่างไร
เคลือบแก้วเองกับ ใช้บริการร้านเคลือบแก้วต่างกันอย่างไร
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสนใจอยากดูแลรักษาสีรถยนต์ด้วยกันเคลือบแก้ว และกำลังคิดอยากทำด้วยตัวเอง แต่ยังสงสัยว่าควรทำเองหรือไปทำที่ร้านอันไหนจะดีกว่ากันนั้น ลองมาดูข้อแตกต่างในการทำการเคลือบแก้วทั้งสองวิธีกันดีกว่า
เคลือบแก้วด้วยตัวเอง
- ประหยัดกว่าเพราะแน่นอนว่าเราไม่ต้องเสียค่าบริการในการทำ รวมไปถึงน้ำยาที่ใช้อาจจะมีการชาร์ตราคามากไปกว่าราคาปกติที่เราสามารถหาซื้อได้
- ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะมีมากกว่าร้านที่ทำ โดยเฉพาะร้านที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีประสบการณ์มากพออาจจะเคลือบแก้วได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการทำมาก่อนอาจจะต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน และรถอาจจะไม่เงางามเหมือนทำที่ร้าน
เคลือบแก้วกับร้านบริการ
- มีประสบการณ์ในการทำมากกว่า โดยเฉพาะร้านที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ทำให้การเคลือบมีประสิทธิภาพและสารเกาะติดทนนานมากกว่า
- มีราคาสูงกว่า เพราะจะต้องรวมค่าบริการต่างๆ ในการทำกันด้วย
เมื่อทราบข้อแตกต่างของการเคลือบแก้วในแต่ละแบบกันแล้ว คราวนี้ก็ลองดูว่าเราเหมาะกับแบบไหนแล้วเลือกทำในแบบที่ต้องการ อย่างเช่นถ้าต้องการทำด้วยตัวเองก็ควรศึกษาวิธีและรายละเอียดต่างๆ ให้เข้าใจกันก่อนลงมือ แต่ถ้าจะใช้บริการจากร้านที่รับเคลือบแก้ว ก็ควรหาร้านที่ได้มาตรฐานและมีประสบการณ์ในการทำกันจริงๆ เพียงเท่านี้สีรถยนต์ของคุณก็จะสวยเป็นมันวาวกันได้แล้ว
2.crystal glass coating คืออะไร
Crystal glass coating หรือ Glass Coating หรือบางครั้งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การเคลือบแก้ว การเคลือบแก้ว หมายถึง
การนำสารเคลือบสีรถยนต์แบบ Hard Coating มาเคลือบ เมื่อเคลือบเสร็จก็จะเป็นชั้นของแข็งอยู่บนสีผิวรถยนต์
crystal glass coating คืออะไร
Crystal glass coating หรือ Glass Coating หรือบางครั้งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การเคลือบแก้ว การเคลือบแก้ว หมายถึง
การนำสารเคลือบสีรถยนต์แบบ Hard Coating มาเคลือบ เมื่อเคลือบเสร็จก็จะเป็นชั้นของแข็งอยู่บนสีผิวรถยนต์
ซึ่งการเลือกใช้คุณสมบัติของแก้วมาเคลือบสีผิวรถยนต์นั้น เนื่องจากซิลิกา ( Si ) หากอยู่ในสภาวะปกติซิลิกาจะอยู่
ในรูปแบบของแข็ง ซึ่งถือว่าเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่เป็น Inorganic Type คือ เป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้สามารถ
ที่จะแยกส่วนจากน้ำได้ ซึ่งมีการพัฒนานวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีที่ทำให้แก้วหรือซิลิกา มาอยู่ในสภาวะของเหลว
เพื่อที่จะนำไปใช้งาน โดยซิลิกาออกไซด์จะอยู่สภาวะในรูปของเหลว แต่จะสามารถแข็งตัวเมื่อถูกนำมาใช้งานใน
สภาวะที่เหมาะสม โดยคุณสมบัติ ของสารเคลือบแก้ว เมื่อถูกนำมาเคลือบสีรถมีดังต่อไปนี้
- ช่วยปกป้องสีผิวรถยนต์จากการทำลายจากแสงอาทิตย์ รังสี UVA และ UVB หรือความร้อนภายในห้องเครื่อง
- ช่วยปกป้องการซีดจาง สีหมองคล้ำ โดยเฉพาะรถสีขาว นอกจากนี้แล้วยังสามารถช่วยปกป้องสีผิวรถยนต์ จาก มูลนก ยางไม้ ได้อีกด้วย
- ช่วยลดการจับตัวของฝุ่นละอองบนผิวสีรถไม่ให้เกาะแน่น และลดการเกาะตัวของน้ำบนสีรถ จึงทำให้ป้องกันคราบสกปรกที่มากับพายุฝนและฝุ่นควันได้
- ช่วยทำให้รถเกิดความเงางามอยู่เสมอ โดยอายุการของการเคลือบ 3 ปีเต็ม แถมการเคลือบแก้วยังเป็นการช่วยเพิ่มความหนาให้กับชั้นสีได้กว่า 10 ไมครอนอีกด้วย ทำให้รอยขีดข่วน บางๆไม่สามารถเข้าไปในชั้นของผิวสี จึงส่งผลทำให้ขัดและ ลบรอยออกได้ง่ายๆ
3.ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนไปเคลือบแก้ว
การเคลือบแก้วเป็นวิธีช่วยถนอมสีรถยนต์ที่ทำให้สีรถสวยทนนานเป็นเงางามใส ทำความสะอาดง่าย และลดปัญหาการเกิดรอยขีดข่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนทำการเคลือบแก้วการเตรียมผิวรถให้พร้อมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วการเคลือบอาจจะไม่สมบูรณ์อย่างที่เราต้องการ สำหรับการขั้นตอนในการเตรียมตัวคุณสามารถทำได้ดังนี้
- ล้างรถให้สะอาดด้วยชมพู หรือน้ำยาล้างรถทั่วไป ตามขั้นตอนปกติ
- จากนั้นใช้ดินน้ำมันลูบให้ทั่วตัวรถในขณะที่รถยังเปียกอยู่ เพื่อเป็นการทำความสะอาดและขจัดคราบที่ติดอยู่อีกขั้นตอนหนึ่ง
- ถ้ารถของคุณมีร่องรอยต่างๆ ควรทำการขัดเพื่อลบรอยให้เรียบร้อยก่อนทำการเคลือบแก้ว
- จากนั้นฉีดสเปรย์น้ำยาที่มีคุณสมบัติในการล้างสารเคมีหรือ WAX ให้ทั่วตัวรถแล้วเช็ดออก ขั้นตอนนี้จะเป็นวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สารเคลือบแก้วยึดเกาะรถได้ดียิ่งขึ้น
- สำหรับรถยนต์หลายปีหรือรถเก่ามักจะมีคราบไคล และรอยขนแมว รวมไปถึงรอยต่างๆ เกิดขึ้นที่สีรถ ควรนำไปขัดเพื่อขจัดร่องรอยให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้สีรถที่ได้หลังการเคลือบสวยเป็นเงางาม
- เมื่อเตรียมตัวตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้วสามารถทำการเคลือบแก้วในขั้นตอนต่อไปกันได้เลย
การเคลือบแก้วยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจึงควรใส่ใจในรายละเอียดในทุกขั้นตอน เพื่อให้เมื่อทำเสร็จออกมาเรียบร้อยแล้วรถยนต์ของเรามีสีสวยสดใสเป็นเงางามอย่างที่ต้องการ
4.รถเก่าเคลือบแก้วได้หรือไม่
การเคลือบแก้วเป็นนวัตกรรมการดูแลและรักษาสภาพรถที่ถือว่าได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ เพราะช่วยให้รถสวย เงางาม และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการขัดเคลือบสีและการลง wax เนื่องจากการเคลือบแก้ว 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานเกือบ 6 เดือน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรักรถในทุกวันนี้
อยากเอารถเก่าเคลือกแก้ว สามารถทำได้ไหม
ด้วยคุณสมบัติของเคลือบแก้วตามที่กล่าวมานี้ ทำให้บางคนที่มีรถเก่าอยากทราบว่า แล้วถ้าเป็นรถเก่าจะสามารถนำมาเคลือบแก้สได้หรือไม่ ขอชี้แจงในที่นี้อย่างชัดเจนเลยว่า สามารถนำมาทำได้ แต่รถเก่าจะมีปัญหาเรื่องรอยขีดข่วนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากรถเก่าต้องการเคลือบแก้วจริง ๆ จะต้องขัดปรับสภาพผิวสีรถก่อน ซึ่งในส่วนนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเคลือบแก้ว แต่ส่งผลดีตรงที่เจ้าของรถจะเสียค่าขัดปรับสภาพผิวสีรถเพียงแค่ครั้งดียวเท่านั้น เพราะหากหมดอายุการเคลือบแก้วแล้ว ครั้งต่อไปก็สามารถนำรถมาเคลือบแก้วได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีการขัดปรับสภาพผิวสีรถใหม่อีก
เพราะฉะนั้นหากใครที่มีรถเก่าและกำลังคิดจะนำมาเคลือบแก้ว ก็สามารถนำมาเคลือบแก้วได้ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นนิดหน่อยในการเคลือบแก้วครั้งแรก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะเมื่อเคลือบแก้วไปแล้ว รถเก่าที่ไม่น่าใช้ก็จะกลับมาสวยงามเหมือนรถใหม่อีกครั้ง ที่สำคัญสวยงามและดูแลไม่ยาก ไม่ต้องเสียเวลาและเงินลง wax บ่อย ๆ อีกด้วย…
5.เคลือบแก้วหรือ wax แบบไหนคุ้มกว่ากัน
การดูแลและรักษารถด้วยการ wax เป็นเรื่องปกติที่คนรักรถนิยมทำมานาน ซึ่งหลังจากที่มีนวัตกรรมใหม่อย่างการเคลือบหรือเคลือบแก้วเข้ามา ทำให้หลายคนสงสัยว่าระหว่างการ wax และการแก้ว
แบบไหนดีกว่ากัน
ความแตกต่างระหว่างการเคลือบแก้วและการ wax
ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งการเคลือบและการ wax เป็นขั้นตอนการทำให้สีรถมีความสวยและเงางามเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ทั้ง 2 วิธีนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน สามารถแจกแจงได้ดังนี้
- การ wax
คือการลง wax ขัดเงาหลังจากที่ล้างรถเสร็จแล้ว ลักษณะคล้าย ๆ กับการขัดมัน คือทำให้มันเงางาม การลง wax สามารถทำเองได้ แต่ใช้เวลานานและเสียงที่สีรถจะด่างหากก่อนลง wax รถไม่แห้งสนิทจริง ๆ
ข้อเสียของการลง wax คือ เสียเวลาในการลงแต่ละครั้งมาก ต้องลงบ่อย ทำให้เสียทั้งเงินและเวลา
- การเคลือบแก้ว
การเคลือบเป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช้เพื่ออุดช่องโหว่ของการ wax และข้อเสียทั้งหมด เพราะการเคลือบจะทำให้รถมีความสวย เงางาม คงอยู่นาน ฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ติดง่าย ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน สามารถล้างและทำความสะอาดโดยใช้เวลาไม่มากนัก ที่สำคัญไม่ต้องเคลือบบ่อยและเสียเวลาและเงินเหมือนการลง wax ทำให้การเคลือบกลายเป็นวิธีการดูแลและรักษารถที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
เพราะฉะนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า การเคลือบถือว่าคุ้มกว่าการลง wax ประหยัดเงินมากกว่าและดูแลรถที่คุณรักได้ดีกว่าอย่างแน่นอน…
6.เคลือบแก้วระบบพ่นเป็นอย่างไร
การเคลือบแก้ว เป็นนวัตกรรมการดูแลรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในขณะนี้ เนื่องจากการเคลือบแก้วช่วยให้รถยนต์ดูสวย เงางาม สีสดเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาและที่สำคัญที่สุดคือทำความสะอาดง่าย
เคลือบแก้วระบบพ่น นวัตกรรมใหม่ที่หลายคนเลือกใช้
การเคลือบแก้ว ในปัจจุบันมีทั้งแบบทาและแบบพ่น ซึ่งทั้ง 2 แบบได้รับความนิยมพอ ๆ กัน แต่ในที่นี้เราจะกล่าวถึงแต่การเคลือบแก้วแบบพ่นก่อน ซึ่งการเคลือบแก้วแบบพ่นนั้นจะทำได้เฉพาะกับการเคลือบแก้วที่ให้ค่าความแข็งระดับ 9H เท่านั้น เพราะการพ่นเป็นเทคนิคที่ช่วยส่งผ่านสารซิลิกา ทำให้เกิดประจุซิลิกา Sio2 ตามธรรมชาติที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งไม่มีสารประกอบอื่นๆ เจือปน ช่วยให้รถยนต์ยังคงสภาพการมีสีสันสวยงามเอาไว้ เนื่องจากการเคลือบแก้วช่วยเคลือบผิวชั้นบนสุดของชั้นสี สามารถทนต่อความร้อนและรังสี UV นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้ดีกว่าการลง wax ธรรมดาทั่วไปอีกด้วย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้หลายคนเลือกการเคลือบแก้วแบบพ่นมากกว่านั้น เพราะเคลือบแก้วระบบพ่น ใช้ระบบการพ่นผ่านชั้นอากาศแบบไม่มีการใช้ผ้าเช็ดตาม ทำให้การเคลือบสามารถเกาะติดแน่นและทนนาน นอกจากนี้ประสิทธิภาพของน้ำยายังออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทยโดยเฉพาะ ทำให้การผสานซีลีก้าแท้เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง และส่งผลให้การเคลือบแก้วแบบพ่นจึงมีความพิเศษมากกว่าการเคลือบแก้วแบบทา
คราวนี้คงถูกใจคนรักรถทุกคนอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าการเคลือบแก้วแบบพ่นจะมีค่าใช่จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับความสวยงามและการป้องกันผิวรถที่ดีที่สุดแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครที่ไม่ยอม…
7.วิธีการดูแลรักษาหลังเคลือบแก้วรถยนต์
การเคลือบแก้วเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการดูแลรักษาสีรถยนต์ เพราะการเคลือบแก้วเป็นเหมือนผิวสำรองแทนสีจริง โดยมีหน้าที่หลักๆ ก็คือการป้องกันไม่ให้สีซีดจาง และป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่หลังจากทำการเคลือบแก้วกันแล้วเราก็ต้องรู้จักวิธีดูแลรักษากันด้วย โดยคุณสามารถทำได้ดังนี้
- หลังจากการเคลือบแก้วภายใน 1 สัปดาห์แรกยังไม่ควรรีบล้างรถ เพื่อให้สารที่เคลือบสามารถติดสนิทและปกป้องสีรถของเราได้อย่างเต็มที่กันเสียก่อน แต่หลังจากเลยสัปดาห์ไปแล้วสามารถล้างรถได้ตามปกติ
- การล้างรถที่ผ่านการเคลือบแก้วมาแล้วจะสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย โดยคุณอาจจะล้างโดยการใช้น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว หรือแชมพูธรรมดาๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะคาบต่างๆ จะหลุดออกได้อย่างง่ายดายกว่าตอนที่เรายังไม่ได้ทำการเคลือบ
- ในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการขัดสีรถยนต์ด้วยเครื่องขัดทุกประเภท เพราะจะมีผลทำให้สารหรือชั้นเคลือบที่เราทำการเคลือบแก้วบางลงได้
การเคลือบแก้วในปัจจุบันอาจจะยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่ แต่ผลที่ได้ก็เป็นที่หน้าพอใจ เพราะสามารถปกป้องสีรถยนต์ของคุณให้สวยสดใส อีกทั้งยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ และขนแมวได้เป็นอย่างดี และไม่ว่ารถของคุณจะเป็นรถยนต์ป้ายแดงหรือรถที่ผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้วก็สามารถนำมา